[★] [Review] MU Legend สานต่อตำนานเกม Hack ‘n’ Slash สุดมันส์

เริ่มเปิดทดสอบกันไปแล้วสำหรับ MU Legend เกมแนว Hack ‘n’ Slash MMORPG ที่พัฒนาและให้บริการโดย Webzen โดยตัวเกมเริ่มเปิดทดสอบช่วง Closed Beta ครั้งแรกบนเซิร์ฟอินเตอร์ไปเมื่อ วันที่ 26 ตุลาคม 2016 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากความสำเร็จจากเกม MU Online อีกหนึ่งเกมออนไลน์ที่เคยโด่งดังในอดีตและยังเคยเปิดให้บริการในบ้านเรา แรกเริ่มเดิมทีโครงการถูกประกาศออกมาในชื่อ MU 2 แต่การพัฒนาอย่างจริงๆ จังๆ นั้นเริ่มต้นขึ้นในปี 2009

MU Legend มีตัวละครทั้งหมด 5 สายอาชีพให้เลือกได้แก่ Dark L ord (ตัวแทงค์), Blader (สายบู๊), War Mage (สายเวทย์), Whisperer (สายตีไกล) และ Emphasizer (สายพลังจิต) โดยตัวละครแต่ละตัวจะมีเผ่าให้เลือก ได้แก่ Human, Kanturu, Ashas และ Elf การเก็บเลเวลเน้นต่อสู้กับมอนสเตอร์จำนวนมากหลากหลายชนิดเพื่อเก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์อัพเกรดความสามารถของตัวละครให้แข็งแกร่งอีกทั้งยังสามารถเข้าร่วม Party กับเพื่อนคนอื่นๆ ในดันเจี้ยนที่มีความท้าทายและแตกต่างเกมเพลย์เป็นแบบ Point & Click ออกแบบมาให้ควบคุมได้ง่าย หลักๆ เลย คือการควบคุม Skill และ Spell ผ่านคีย์ลัด Q,W,E,R,T ส่วนการใช้ไอเทมประเภท Potion สามารถเลือกตั้งค่าได้ที่คีย์ 1 – 5 แต่เมื่อเล่นไปได้สักระยะหนึ่งในระดับเลเวลตัวละครที่สูงขึ้นจะมี Skill มากมายให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย โดยเราสามารถตั้งค่าคีย์ลัดเพิ่มเติมได้ที่ปุ่ม F1, F2 หรือ F3 เพื่อความสะดวกในการใช้สกิล นอกจากนั้นยังสามารถสลับชุดคำสั่งของ Skill ระหว่างคูลดาวน์ได้ตลอดเวลา ขณะเดียวกันสามารถปลดล็อค Rune เพิ่มค่าโบนัสพิเศษให้แก่ตัวละครในลักษณะแบบ Passive ซึ่งการปลดล็อค Rune จะส่งผลต่อแนวทางการเล่นของเรา อาจจะทำให้ตัวละครเก็บเลเวลได้ง่ายหรือยากขึ้น แต่ส่วนตัวผมนิยมอัพ Rune ที่ให้ค่าโบนัสเพิ่มพลังโจมตีแก่ Skill ที่ใช้เพราะมันจะสร้างความเสียหายให้แก่เป้าหมายรุนแรงกว่าเดิม ทำให้ในระยะเริ่มแรกค่าพลังป้องกันของตัวละครแทบไม่จำเป็นเพราะเนื้อหาของเกมเป็นแบบ PvE ซะส่วนใหญ่ระบบ Quest ของเกม MU Legend จะมอบภารกิจให้กำจัดมอนสเตอร์ไม่เยอะจนเกินไปเพราะอาจทำให้ผู้เล่นเบื่อได้ เราจึงสามารถจบภารกิจต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วเพื่อย้ายไปเก็บเลเวลในพื้นที่ใหม่ เนื้อเรื่องภายในเกมจึงบอกเล่าผ่านภารกิจหลักที่ทำสำเร็จ หากอยาได้ค่าประสบการณ์เพิ่มเติมสามารถรับภารกิจใน Quest ย่อยได้ แต่ส่วนใหญ่มักเน้นทำ Quest หลักเพราะได้ EXP ตอบแทนเยอะพอสมควรสำหรับดันเจียนภายในเกมมีผลต่อการเก็บเลเวลของตัวละครเช่นกัน โดยสามารถเลือกระดับความยากง่ายหรือความท้าทายในดันเจี้ยนนั้นๆ ได้อย่างอิสระ และให้ค่าประสบการณ์รวมถึงอัตราดรอปเรตสูงสุด 400% แต่ดูจากกระแสของผู้เล่นส่วนใหญ่จะเลือกดันเจี้ยนระดับง่ายเพื่อฟาร์มเก็บเลเวลให้ไวและสูงที่สุดSoul เป็นอีกหนึ่งระบบที่น่าสนใจของเกม MU Legend ไม่เพียงแค่เราจะเก็บเลเวลให้ตัวละครแล้วระบบ Soul ยังมีระดับเลเวลช่วยเพิ่มสเตตัสพิเศษให้แก่ตัวละครทั้งค่าพลังป้องกัน, พลังโจมตีทางกายภาพและเวทมนต์, ความว่องไว, อัตราการเกิดโอกาส Crit อื่นๆ นอกจากนี้ยังมีระบบ Pet หรือสัตว์เลี้ยงที่ให้ค่าโบนัสพิเศษแบบ Passive หรือช่วยเราต่อสู้ไปพร้อมกันในขณะเก็บเวลได้เช่นกัน

ระบบ PvP มีพื้นที่ที่สามารถรองรับผู้เล่นได้สูงสุดถึง 20 คน ในหนึ่งแผนที่ด้วยระบบการเล่นแบบ Capture Point ในพื้นที่ที่ถูกกำหนดไว้ เมื่อผู้เล่นทีมใดก็ตามสามารถบุกยึดพื้นที่ได้สำเร็จจะได้รับพลังพิเศษเพิ่มค่าพลังโจมตีและพลังป้องกันให้แก่ตัวละคร แต่เนื่องจากตัวเกมยังอยู่ในช่วงทดสอบทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่นิยมไล่ตีกันมากกว่าจะเอาชนะหรือในอนาคตน่าจะมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงใหม่

โดยรวมแล้ว MU Legend มีระบบและเกมเพลย์ไม่แตกต่างไปจากเกมแนว Hack ‘n’ Slash ทั่วๆ ไป แต่พยายามฉีกกฏของระบบบางอย่างภายในเกมทั้งการลดความสำคัญของเลเวลตัวละครแล้วให้ความสำคัญกับระบบ Craft และ Enchant มากขึ้น นอกจากการเก็บเลเวลในดันเจี้ยนทั่วไปแล้ว ในบางโอกาสยังมีดันเจี้ยนพิเศษในแต่ละวันให้ค่าตอบแทนเป็น Gem สามารถนำไปแลกสัตว์ขี่, ปีก, อุปการณ์อัพเกรดต่าง ๆ และชุดแต่งกายสวย ๆ มากมาย

จุดเด่น

• ออกแบบโมเดลตัวละครสวยงาม
• Skill Effect อลังการตื่นตาตื่นใจ
• ระบบ Soul เพิ่มความโดดเด่นให้แก่ตัวละครของแต่ละคน
• ดันเจี้ยนไม่ยากจนเกินไปและได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า

จุดด้อย

• ถึงแม้จะเป็นเกมเล่นออนไลน์ได้ แต่ก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนเล่นเกมแบบ Single-player
• กราฟฟิกสภาพแวดล้อมภายในเกมยังทำได้ไม่ดีนัก
• ระบบการปรับแต่งตัวละครไม่ว่าจะเป็น เครื่องแต่งการ และปีกต่าง ๆ ยังไม่สามารถปรับแต่งอะไรได้มากนักในตอนนี้

GameWorld SCORE: 7.6

รีวิวเกม – GameWorld

“The game world is our world.”

• Facebook
• Twitter
• Line