กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในดินแดนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ขุดเพื่อการค้นคว้าโบราณคดี นักประวัติศาสตร์ได้ค้นพบชุดประตูลึกลับปริศนาจากยุคโบราณหน้าตาประหลาด อันเป็นประตูไปสู่โลกอีกใบหนึ่งอุดมไปด้วยขุมทรัพย์ที่หลากหลายและมีมูลค่า ประตูที่ว่าจึงดึงดูดผู้คนมากมายทั้งนักผจญภัยและอัศวินผู้กล้า ที่ขอท้าทายอันตรายด้วยการกระโดดเข้าไปในดินแดนแห่งนี้ เพื่อมองหาของมีค่ามาค้าขายแก่พ่อค้าในเมืองอันใกล้

เช่นเดียวกับ Will ตัวเอกของเราที่สนใจในโลกที่อันตรายแต่น่าหลงไหลแห่งนี้ เขาฝันอยากจะเป็นนักผจญภัย แต่ฝันก็ต้องดับลงเหตุเพราะเขาเป็นทายาทคนเดียวของครอบครัวพ่อค้าในเมือง Rynoka ที่ค้าขายหลากหลายไอเทมที่หาจะได้พบในดันเจี้ยนประตูมิติ แต่ใครว่าชีวิตพ่อค้าจะผสมกับชีวิตนักผจญภัยไม่ได้ล่ะ?

GameWorld.in.th ขอขอบคุณคีย์รีวิวบน PC จากทาง Evolve และ 11 bits studio มา ณ.ที่นี้
Evolve and 11 bits studio have provided GameWorld.in.th with Steam CD-key for this review. Thanks you and best regards.

Moonlighter เป็นเกมแนวแอ็คชั่น RPG ผสม Rogue-Like ที่ผู้เล่นจะได้ใช้ชีวิตในฐานะพ่อค้านักผจญภัย กระโดดลงไปในประตูมิติ ต่อสู้กับหลากหลายศัตรูและเผชิญกับกับดักอันตรายในเวลากลางคืน นอนพักสักนิด แล้วกระโดดกลับมาเป็นพ่อค้าในเวลากลางวัน ขายทุกอย่างเท่าที่เราหาได้ให้แก่นักท่องเที่ยงผจญภัยที่กำลังมองหาของคราฟของสะสมที่น่าสนใจ แล้วเปลี่ยนตนเองจากศูนย์ไปหาแสนกัน

เกมเพลย์ใน Moonlighter แบ่งเป็นสองช่วง ช่วงกลางวัน เราจะเล่นเป็นพ่อค้าขายไอเทมหลากหลายที่เรามีให้กับผู้มาเยือนร้านเราทั้งหลาย เราจะสามารถตั้งราคาไอเทมที่เราจะขายกันได้ แต่เราจะต้องดูความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อไอเทมของเราตลอดด้วย คงไม่มีใครอยากจะซื้อหญ้าฟางกำนึงในราคาเท่ารถเฟอร์รารี่ ถูกไหม หากตั้งราคาสูงไปลูกค้าก็จะไม่พอใจและไม่อยากซื้อของๆ เรา แต่ถ้าตั้งราคาต่ำไปลูกค้ามีตาลุกวาวเพราะนั่นหมายถึงเรานั่นแหละที่จะขาดทุน ทุกไอเทมตลอดเกมล้วนมีราคาไม่คงที่เพราะระบบอุปสงค์อุปทาน หากเราเอาแต่ขายไอเทมเดิมซ้ำๆ ราคามันก็จะตกต่ำลง ในขณะที่ถ้าเราไม่เอามันมาขายบ่อยๆ เกินไป ราคาไอเทมก็จะสูงขึ้น

ในภาพรวมแล้วระบบพ่อค้าถือว่าทำมาได้ดีพอสมควร ไม่ได้ล้ำลึกอะไรและเข้าถึงง่ายจนน่าประทับใจ แต่เพราะมันไม่ล้ำลึกนี่ล่ะทำให้เกมมีความน่าเบื่อด้วยความรวดเร็ว การขายของไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการคาดเดาราคาสินค้า พอลูกค้าไม่พอใจก็เปลี่ยนราคา เล่นไปสักพักจะเริ่มจับแพทเทิร์นได้และอาจจะเกิดความน่าเบื่อด้วยความรวดเร็วด้วยความรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการฟาร์มของขยะจากมอนดรอปในเกม RPG ไปขายพ่อค้าในเกมเพื่อหาเงินเลยนี่หว่า

ตรงนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าทีมพัฒนาไม่อยากจะให้มันเป็นพ่อค้าซิมูเลเตอร์ จำลองชีวิตการขายของอะไรแบบนั้นเสียทีเดียว แต่อยากจะมีระบบแอ็คชั่นให้ผู้เล่นมีส่วนร่วมไปกับเกมมากกว่าการขายของด้วย เพราะในเกมนี้เราไม่ได้มีหน้าที่นำเข้าสินค้าอะไร เรานี่แหละคือผู้นำเข้าสินค้า พอตกกลางคืนก็ได้เวลาสวมเกราะ หยิบดาบและลงไปตะลุยดันเจี้ยนกัน

ดันเจี้ยนภายในเกมจะสุ่มหน้าตาและดีไซน์ด่านในเกมตลอดเวลา แบ่งออกเป็นห้องๆ อารมณ์เหมือนตะลุยดันเจี้ยนในเกม Legend of Zelda หรือผ่านด่านใน Binding of Isaac ทุกครั้งที่เราลงไปโครงสร้างของด่านจะไม่เหมือนเดิม ห้องที่เคยมีอยู่ในรอบที่แล้วอาจจะหายไปเลยในรอบนี้ รวมไปถึงห้องที่ไม่เคยมีมอนสเตอร์คราวนี้อาจจะมีทั้งมอนสเตอร์ทั้งกับดักเลยก็ได้ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกมสดใหม่ไม่น่าเบื่อตลอดเวลา ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเกมแนวหาของไปขายแบบนี้

แต่ที่ตกม้าตายคือระบบแอ็คชั่นที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าเล่น Legend of Zelda ภาคแฟมิคอม ทั้งระบบการโจมตีและหลบแบบ 4 ทิศทางซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นในเกมแอ็คชั่น Top-Down ยุคนี้ สวนทางกับระบบเคลื่อนที่แบบ 8 ทิศทาง มาพร้อมศัตรูที่หลายตัวก็มีกิมมิคทำให้โจมตีได้ยาก (พวกถือโล่นี่ตัวดี) มันทำให้เกมเล่นยากเกินความจำเป็น ชัดเจนว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก Dark Souls และคงได้มาเยอะไปหน่อยจนเล่นไม่ไหว ในขณะที่ Dark Souls มันยากแต่ยิ่งทำให้เราอยากเล่นต่อ, Moonlighter กลับทำให้เราไม่อยากเล่นต่อเสียอย่างงั้น

เมื่อพิจารณาทั้งสองระบบแล้ว Moonlighter ดูจะสอบไม่ผ่านเลยแม้แต่ระบบเดียว เป็นได้แต่เพียงไอเดียบนกระดาษที่ฟังดูดีแต่พอเล่นจริงกลับไม่ดีอย่างที่หวัง ทั้งการบังคับฟาร์มของมากเกินความจำเป็นที่ไร้แก่นสารใดๆ นอกจากหาเงินไปอัพเกรดร้านค้า และระบบต่อสู้ที่รู้สึกติดขัดไปหมดในทุกด้าน ทำให้เกมขาดความโดดเด่นและความน่าดึงดูดให้เราเล่นต่ออันเป็นสิ่งที่เกมควรพึงมีไป

ในส่วนอื่นๆ ของเกมนั้นก็ถือว่าไม่เลวร้ายเท่าระบบ กราฟิคพิกเซลน่ารักๆ เล่นแล้วสบายตาสบายใจดี ดีไซน์ดันเจี้ยนอาจจะดูเดิมๆ ไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ควรคาดหวังอยู่แล้วเพราะระบบสร้างและสุ่มโครงสร้างด่านอย่างเป็นขั้นตอน ไอเทมที่ดรอปจากศัตรูที่หลากหลายดีถึงสุดท้ายแล้วจะไม่ได้มีอะไรต่างกันมากไปกว่าราคาก็ตาม ถ้าหาก Moonlighter โดดเด่นไปในด้านใดด้านหนึ่ง จะด้านแอ็คชั่นก็ดีหรือด้านการขายของก็ดี ต่อให้อีกด้านจะง่อย แต่นั่นก็อาจจะมากพอแล้วสำหรับเกมแอ็คชั่นหาของไปขายแบบนี้ ถ้าหากเกมมีภาคต่อเราหวังว่าจะมีพัฒนาการดีๆ ในด้านใดด้านหนึ่งล่ะนะ

สรุป

Moonlighter เป็นเกมที่สนุก ฆ่าเวลาได้ในระดับหนึ่ง และมีไอเดียที่น่าสนใจแต่ตัวชิ้นงานจริงๆ กลับยังไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร ทำให้ยังไม่เป็นตัวฆ่าเวลาที่ดีมากพอในระยะยาว พอจะเห็นผู้เล่นสนุกไปกับเกมได้ในช่วงสิบชั่วโมงแรกอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นคงยากที่จะสร้างความประทับใจเพิ่มเติมได้อีกครับ ตัวเกม Moonlighter วางจำหน่ายแล้วบน PC, PS4 และ XBOX ONE

รีวิวเกม By GameWorld 

• Facebook
• Twitter
• Line